วัฒนธรรมถูกถ่ายทอดผ่านการสื่อสารระหว่างมนุษย์ ไม่ใช่ผ่านทางพันธุกรรมระหว่างรุ่น วัฒนธรรมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในระดับหนึ่งโดยการกระทำที่ตั้งใจและชาญฉลาด (อาจน้อยกว่าที่เราคิด) และวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงตามสภาพแวดล้อมของต้นทุนและผลตอบแทนที่เปลี่ยนแปลงเร็วกว่าการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมมาก ในทางกายภาพเราคล้ายคลึงกับบรรพบุรุษเมื่อสามหมื่นปีก่อนมาก แต่ในทางวัฒนธรรมเราได้เคลื่อนห่างจากพวกเขาไปไกลพอสมควร
#siamstr #TheSovereignIndividual #วัฒนธรรม #พันธุกรรม #การเปลี่ยนแปลง
satuser
satuser@siamstr.com
npub1e9vc...j93f
satoshi is in the word 🌳 / technical dreamer / do note
ไม่คุ้นกับ anime พากษ์อังกฤษเลย
ยังไงก็รู้สึกว่าพากษ์ไทยเสียงมันเข้ากับ character ตัวละครมากกว่า
หรือเราแค่ไม่ชิน
#ไป๋เร้ยมังกรฟ้าาา #จัดการมันพยัคฆ์ขาว 🐅🐉
💬 : นี่เป็นเป็นหัวข้อที่นักวิทยาศาสตร์ถกเถียงและวิจัยกันมานานหลายศตวรรษ แนวคิดที่ว่า "ทักษะที่เรียนรู้มาในชีวิตสามารถส่งต่อไปยังลูกหลานได้" นั้น มีชื่อเรียกเฉพาะว่า "การสืบทอดลักษณะที่ได้มา" (Inheritance of Acquired Characteristics) หรือที่มักเรียกกันว่า "ทฤษฎีของลามาร์ก" (Lamarckism)
ผมขอตอบโดยแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือคำตอบตามหลักพันธุศาสตร์ดั้งเดิม และคำตอบตามงานวิจัยยุคใหม่ครับ
1. คำตอบตามหลักพันธุศาสตร์ดั้งเดิม (Classical Genetics)
โดยหลักการแล้ว "ไม่ครับ"
ทักษะความเป็นมืออาชีพ (Professional) ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโปรแกรม การเล่นดนตรี หรือความรู้ด้านการเงิน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเรียนรู้และประสบการณ์ สิ่งเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในรูปแบบของ การเชื่อมต่อของเซลล์ประสาทในสมอง (Neural Connections)
ในทางกลับกัน สิ่งที่ส่งต่อไปยังลูกหลานผ่านทางพันธุกรรมคือ DNA ซึ่งอยู่ในเซลล์สืบพันธุ์ (อสุจิและไข่)
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยึดมั่นในแนวคิดที่เรียกว่า "กำแพงไวสมันน์" (Weismann Barrier) ซึ่งระบุว่า ข้อมูลจากเซลล์ร่างกาย (Somatic Cells) เช่น เซลล์สมองหรือเซลล์กล้ามเนื้อ ไม่สามารถถ่ายทอดกลับเข้าไปยังเซลล์สืบพันธุ์ (Germline) เพื่อเปลี่ยนแปลง DNA ที่จะส่งต่อไปได้
ตามทฤษฎีนี้: ไม่ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพตอนอายุ 40 หรือมีลูกตอนอายุ 15 แล้วค่อยไปเป็นมืออาชีพ DNA ในเซลล์สืบพันธุ์ของคุณก็แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงในแง่ของ "ทักษะ" นั้นครับ ลูกของคุณยังคงต้องเรียนรู้ทักษะนั้นด้วยตัวเองตั้งแต่ต้น
2. คำตอบตามงานวิจัยยุคใหม่ (Epigenetics)
นี่คือจุดที่น่าสนใจและเป็นที่มาของงานวิจัยที่คุณถามถึงครับ
แม้ว่า "รหัส DNA" (Sequence) ของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปตามประสบการณ์และอายุได้ คือ "การแสดงออกของยีน" (Gene Expression) ครับ
วิทยาศาสตร์แขนงนี้เรียกว่า "อีพีเจเนติกส์" (Epigenetics)
อุปมาง่ายๆ:
DNA คือ "หนังสือคู่มือ" (ฮาร์ดแวร์) ที่คุณได้รับมาจากพ่อแม่
Epigenetics คือ "ปากกาไฮไลต์ หรือ Post-it" (ซอฟต์แวร์) ที่แปะไว้ว่า "ให้อ่านหน้านี้ดังๆ" หรือ "ข้ามหน้านี้ไป"
ประสบการณ์ในชีวิตของคุณ เช่น ความเครียด, โภชนาการ, การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การเรียนรู้อย่างหนัก สามารถเปลี่ยนแปลง "ไฮไลต์" เหล่านี้ได้ โดยที่ตัวหนังสือในคู่มือ (DNA) ไม่ได้เปลี่ยน
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (ที่ใกล้เคียงที่สุด):
งานวิจัยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน (มักทำในสัตว์ทดลอง เช่น หนู) พบว่า "สภาวะ" บางอย่างของพ่อแม่ สามารถส่งผลต่อลูกหลานผ่านกลไก Epigenetics ได้ เช่น:
- ความเครียดและบาดแผลทางใจ (Trauma): มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า หนูตัวผู้ที่ถูกทำให้เครียดหรือกลัวกลิ่นบางอย่าง อาจมีลูกหลานที่แสดงอาการกลัวกลิ่นนั้นๆ หรือมีภาวะวิตกกังวลสูงกว่าปกติ แม้ว่าลูกหลานจะไม่เคยเจอเหตุการณ์นั้นเลย
- โภชนาการ (Diet): พ่อแม่ที่ขาดสารอาหารหรือมีภาวะอ้วน อาจส่งต่อ "เครื่องหมาย Epigenetic" ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญ (Metabolism) ไปยังลูก ทำให้ลูกมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนหรือเบาหวานมากขึ้น
3. สรุปสำหรับกรณีของคุณ
กลับมาที่สถานการณ์ของคุณ: "เป็นมืออาชีพก่อนมีลูก"
ลูกของคุณจะได้ "ทักษะ" (Skill) นั้นมาเลยหรือไม่?
คำตอบคือ ไม่ครับ ลูกของคุณจะไม่ตื่นมาแล้วเขียนโค้ดหรือเล่นไวโอลินได้เลย ทักษะที่ซับซ้อนเหล่านี้ต้องเรียนรู้ผ่านสมองครับ
แล้ว Epigenetics จะส่งต่ออะไรได้บ้าง?
นี่คือส่วนที่ยังเป็นทฤษฎีอยู่ครับ สิ่งที่อาจถูกส่งต่อ ไม่ใช่ "ความรู้" แต่ อาจเป็น "แนวโน้ม" (Tendencies) หรือ "ความถนัด" (Predispositions) ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้
ตัวอย่าง (สมมติ): การที่คุณใช้เวลา 10 ปีฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเป็นมืออาชีพ อาจทำให้ร่างกายคุณปรับตัวเข้ากับสภาวะเครียด หรือการใช้สมาธิอย่างหนัก สภาวะนี้ อาจจะ สร้างเครื่องหมาย Epigenetic บางอย่างที่ส่งต่อไปยังลูก ทำให้ลูกของคุณ (อาจจะ) มีแนวโน้มที่จะทนต่อความเครียดจากการเรียนรู้ได้ดีกว่า หรือมีสมาธิจดจ่อได้ดีกว่า เล็กน้อย
ข้อเท็จจริงที่สำคัญกว่า: สิ่งที่ลูกได้รับแน่ๆ
สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นและสำคัญกว่า Epigenetics มาก ในครอบครัวที่พ่อแม่เป็นมืออาชีพ มีอยู่ 2 อย่างครับ:
พันธุกรรม (Nature): คุณอาจมี "ยีน" ที่ทำให้คุณมีศักยภาพในการเป็นมืออาชีพด้านนั้นๆ อยู่แล้ว (เช่น มีความจำดี, มีตรรกะดี, มีทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็กดี) และลูกของคุณก็มีโอกาส 50% ที่จะได้รับยีนนั้นต่อไป นี่คือพันธุกรรมพื้นฐาน ไม่ใช่ทักษะที่เรียนรู้ครับ
การเลี้ยงดู (Nurture): นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด พ่อแม่ที่เป็นมืออาชีพด้านไหน ก็มักจะสร้าง "สภาพแวดล้อม" ที่เอื้อต่อการเรียนรู้สิ่งนั้นให้กับลูก ลูกของนักดนตรีได้ยินเสียงดนตรีตั้งแต่ในท้อง ลูกของโปรแกรมเมอร์อาจได้จับคอมพิวเตอร์เร็วกว่าเด็กคนอื่น การส่งต่อนี้เกิดขึ้นผ่าน "การเลี้ยงดู" ไม่ใช่ DNA ครับ
โดยสรุป: ทักษะที่คุณเรียนรู้มา ไม่ได้ถูกบันทึกลงใน DNA และส่งต่อไปให้ลูกโดยตรงครับ แต่งานวิจัยใหม่ๆ ด้าน Epigenetics กำลังชี้ให้เห็นว่า ประสบการณ์ชีวิตของพ่อแม่ อาจจะ ส่งผลต่อ "การควบคุม" ยีนของลูกได้บ้างในระดับหนึ่ง แต่ยังห่างไกลจากแนวคิดที่ว่าลูกจะได้รับ "ความสามารถ" นั้นมาเลยครับ
#siamstr #geministr #study #DNA #learning #surviving 🧬🔬


Lightning Match 🏟️
Interfere Step ⚡️
View quoted note →
"ปัญหาความน่าจะเป็นของความน่าจะเป็น" ก็คือ "เราจะจัดการกับความไม่แน่นอน (Uncertainty) ของเราอย่างไร" และคำตอบที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันคือการใช้ "สถิติแบบเบย์" (Bayesian Statistics) ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่ AI, Machine Learning, และนักวิทยาศาสตร์ใช้ในการอัปเดต "ความเชื่อ" ของตนเองเมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามาครับ
ปล.ความเชื่อมันต้องอัพเดทกันนะเว้ย - don't trust , verify ไม่ใช่งมงาย แล้วไม่เรียนรู้อะไร
#siamstr #probability 🎲
Bitcoin BeybladeX Stadium ⚡️🏟️🌳
#samakichumnum #siamstr #beybladeX


131 year of Peer-to-Peer Transition
The Truth is Media , More Globalization
🌎🌐👥
#siamstr #BLC
When you bitcoin only
You will only bitcoin.
#siamstr
ตลกตลาด
sunlight rebounce night 🌴🌴🌕☁️
#GN #siamstr 🙏


ขออนุญาติประชาสัมพันธ์งานแข่งขันเบย์เบลดของชาวนครพนม
🏟️ mini Match Battle 🤜✴️🤛 Beyblade X นครพนม III ❤️🔥🌳
เชิญชวนผู้เล่นเบย์เบลดจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียงร่วมงานแข่งขัน BEYBLADE X ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 พฤษจิกายน 2568 นี้ 🗓️
รายละเอียดเพิ่มเติม : https://forms.gle/Vd82YhdXretAqQMc6
NKP Bladers - นักสู้เบย์เบลดชาวนครพนม
#siamstr #BeyBladeX #NakhonPhanom #สามัคคีชุมนุม


เมื่อใช้ bitcoin เป็น unit of account แล้ว
พอจะลงทุนกับอะไรใหม่ๆ เช่น สั่งเบย์เบลดมา stock ขาย
ก็มักจะกลัวจมทุนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน
เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ทุนที่มีอยู่
มันจะไม่จมกับระบบ fiat อีกต่อไป
#siamstr #จมทุน
ปากจัดตีนถีบ
ตอนนี้ : บาทละกี่ sats
ต่อไป : sats ละกี่บาท
#siamstr
powers the network 🔌
#siamstr


รั้วแสงริมน้ำขึ้นแนวใหม่ที่ฝั่ง สปป. 💡💡💡💡💡
#GN #siamstr 💡💡🌚💡💡




