คนที่แค่มองตาก็รู้ใจ ในชีวิตคุณนึกถึงแววตาที่ผมกล่าวมาได้กี่คู่ ? ปัจจุบันคุณยังได้ติดต่อเขาอีกมั้ย ? ติดต่อครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ? สำหรับผมแล้วความแปลกประหลาดของผมคือ ผู้ที่เป็นเจ้าของแววตาที่ผมมองแล้วรู้ใจซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ ภรรยา แม่ พ่อ พี่ น้อง น้า ป้า บุคคลเหล่านี้เขามีความสำคัญที่ไม่ต่างกับเจ้าของดวงตาคู่ที่มองแล้วรู้ใจซึ่งกันและกัน แต่เรามักจะไม่บอกทุกเรื่องให้บุคคลเหล่านี้ เรื่อง ความมืดมนในจิตใจของเรา เรื่องความทุกข์ ของเรา เราไม่อยากให้พวกเขารู้ว่า เราเลวได้แค่ใหน ? ชั่วได้ขนาดใหน ? และเราตรอมตรมอยู่กับความทุกข์ขนาดใหน ? สำหรับผมแล้วคนที่ผมแล้วคนที่ผม มองตาแล้วรู้ใจซึ่งกันและกันว่าต่างฝ่ายต่างคิดอะไร คือเพื่อน เพื่อนที่เห็นผมล้มลุกคลุกคลาน กันมาตลอด เพื่อนที่คบกับผมมาตั้งแต่วันที่ผมยังเป็นแค่คนธรรมดาไม่มีศักยภาพ หรือความสำคัญอะไร เพื่อนผมเหล่านี้มักจะติดต่อหาตัวอยาก นัดพบเจอยาก โทรไปก็รับคุยกันคำ สองคำก็วางสาย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เมื่อไหร่เพื่อนผมเหล่านี้รับรู้ว่าผมมีปัญหาพวกเขามักจะติดต่อมาเอง บางครั้งเราก็คิดถึงแววตาเหล่านั้น แววตาที่เราพูดอะไรที่ทุกข์ใจออกไป แล้วรับฟัง สบตา มีสมาธิรับฟังอยู่กับสิ่งที่เราพูด และรู้คำตอบของคนฟังทันทีที่เห็นแววตาตอนนั้น เป็นอะไรที่ ฟิน อิ่มเอม ตื่นตัน ไม่ต่างกับการที่รู้ว่า คนที่เราแอบรักเขาก็รักเรา ช่วงนี้ผมคงทุกข์ใจมาก เฝ้านึกถึงแววตาเหล่านั้นอยู่ทุกคืน แต่เจ้าของแววตาเหล่านั้นต่างก็แยกย้ายกันไปเติบโต มีหน้าที่ที่รับผิดชอบ ผมอาจจะเป็นคนแปลก ประหลาด ไม่ระบายเรื่องทุกข์ใจ ให้คนในครอบครัวฟัง ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างรู้ใจซึ่งกันและกัน ผมขอบังอาจใช้คำว่า "เรา" ในบทความนี้แทนตัวผมและพวกท่านทั้งหลายที่สละเวลาอ่านบทความนี้ ผมตระหนักดีว่าบางท่านก็ไม่ได้มีแนวคิดเหมือนผมที่ต้องระบายเรื่องทุกข์ใจ เรื่องที่เราทำไม่ดีไว้ให้เพื่อนสนิทฟังเท่านั้น บางท่านอาจสามารถระบายให้คนใกล้ตัวฟังได้ ซึ่งผมเองก็อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น #siamstr #SIAMSTR #nostr #มองตาก็รู้ใจ

Replies (1)

นึกออกเลยค่ะ แต่แว้บแรกที่อ่านบทความ นึกถึงดวงตาของคนที่เคยรักอย่างไร้เงื่อนไขก็คือแฟนนั่นแหละ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ ดวงตาพวกนั้นกลับหายไป กลายเป็นเพื่อน.. ใช่เลยค่ะ เพื่อนที่นัดเจอกันยากมาก เวลาคุยก็ไม่ค่อยมี แต่ในช่วงที่วิกฤติทางอารมณ์ เขาดันว่างให้เราซะงั้น เรื่องทุกข์ใจมันพูดกับคนใกล้ตัวมากไม่ได้ เพราะแทนที่จะระบาย บรรเทา กลายเป็นสร้างภาระทางความเครียดซ้ำไปยังพวกเขา แต่ไอ่เพื่อนเนี่ย เต็มที่กอดคอกันร้องไห้ ไม่ก็นั่งฟังเราพูดซ้ำไปซ้ำมาเหมือนโรคย้ำคิดย้ำทำ บางครั้งให้คำแนะนำ บางครั้งไม่ได้ให้อะไรเลยนอกจาก กูอยู่ตรงนี้ อยู่กับมึงในช่วงเวลาที่มึงรู้สึกแย่ที่สุด โดยไม่ตัดสินอะไรทั้งนั้น แยกย้ายกันไปเติบโตน่ะใช่ แต่ก็มักไม่หายไปตลอดกาล (ถ้ามันยังไม่ตุย) เป็นตาคู่ที่หายากมากที่สุด เพราะยิ่งเติบโต ยิ่งภาระเยอะ จากร้อยคู่ ลดเหลือ สิบคู่ จากสิบคู่ เหลือเพียงคู่เดียว และยังไม่รู้ว่าอนาคตจะหมดไปหรือจะมีเพิ่ม.. สิ่งที่พรุนพยายามทำก็คือ นอกจากจะรักษาตาคู่สำคัญนั้นไว้ พรุนเริ่มที่จะมองไปในกระจก มองตาคู่ที่สามารถเป็นทุกอย่างให้เราเสียยิ่งกว่าใคร ตาคู่ที่สามารถทำให้เราตกในภวังค์ และออกจากภวังค์แห่งความรู้สึกทั้งปวงได้ดีที่สุด ปล. เดี๋ยวนี้ก็มีเพื่อนใหม่ในnostr นะคะ การยินดีที่ไม่รู้จักกันถือเป็นเพื่อนที่เจ๋งๆดีค่ะ สัมผัสความรู้สึกจากตัวอักษร 😁